NEW! Stem Cells Hair Transplant No Sexual Dysfunction & Medication-Free

NEW! Stem Cells Hair Transplant No Sexual Dysfunction & Medication-Free

2023 Global Health Asia Pacific award winning Technique for Genetic Hair Loss and Thinning Hair Behind Cosmetic Surgery By Dr. Piya

กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมใหม่ในระดับเซลล์ เพื่อเพิ่มความหนาและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างธรรมชาติ

ไม่ต้องกินยา
ไม่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ไม่ผ่าตัด
ไม่ต้องโกนศีรษะ
ไม่ต้องพักฟื้น
สู่ผลลัพธ์ผมธรรมชาติที่แท้จริง

 
 

ยินดีต้อนรับสู่ตอนล่าสุดของรายการ Behind Cosmetic Surgery By Dr. Piya ที่หมอจะมาตอบคำถามทั้งหมดเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมความงามจากผู้เชี่ยวชาญ หมอปิยะ รังรักษ์ศิริ หรือ 'หมอปิยะ' ศัลยแพทย์พลาสติกที่ได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAP) จาก Nida Esth' Medical Centre ซึ่งได้รับการเลือกให้เป็น "คลินิกปลูกผมแบบไม่ผ่าตัดที่มีนวัตกรรมดีที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก" โดย Global Health Asia Pacific ในปี 2023

หัวข้อที่หมอจะพูดถึงในวันนี้คือ ปัญหาผมร่วง ซึ่งเป็นความกังวลที่พบได้บ่อยในหลายๆ คน แม้ว่าจะมีวิธีการรักษาหลายทางเลือกเพื่อจัดการกับปัญหานี้ ฟินาสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษาผมร่วง และถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์บางประการ ดังนั้นวันนี้หมอจึงได้รวบรวมคำถามจากช่องทางต่างๆ รวมถึงคำถามจากคนไข้จากหลายประเทศที่เข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาผมร่วง และเลือกคำถามที่ได้รับความสนใจบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการรักษาผมร่วงด้วยยาฟินาสเทอไรด์ มาฟังมุมมองของหมอปิยะที่จะแบ่งปันคำตอบเพื่อให้เราเข้าใจถึงผลข้างเคียงของฟินาสเทอไรด์กันให้มากขึ้น

 

"ประเด็นแรกคือ การใช้ฟินาสเทอไรด์ในการรักษาผมร่วงจริงหรือไม่ที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในคนไข้ที่ใช้ยา?"

 

     "ฟินาสเทอไรด์เป็นหนึ่งในวิธีรักษาผมร่วงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จมากที่สุดในตลาดปัจจุบัน และยังเป็นหนึ่งในสองวิธีที่ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการรักษาผมร่วงแบบชาย แต่โชคร้ายที่งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่ามันมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีจริงๆ

     งานวิจัยในปี 2012 ได้ตรวจสอบข้อกังวลที่ถูกส่งไปยังระบบรายงานผลกระทบจากการใช้ยา (FDA Adverse Event Reporting System) ในสหรัฐอเมริกา และพบว่ามีการรายงานผลกระทบทางเพศในผู้ชายที่ใช้ฟินาสเทอไรด์ถึง 71 คน ในการศึกษา พบว่า ยานี้เชื่อมโยงกับผลข้างเคียงทางเพศหลายประการ รวมถึงความต้องการทางเพศที่ลดลง, ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ, การตื่นตัวลดลง, ความยากลำบากในการถึงจุดสุดยอด, ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวล

      มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หลายข้อที่อธิบายว่าเหตุใดสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือผลของยาที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศลดลง ดังนั้นในปี 2012, FDA จึงได้ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการใช้ยานี้และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น"

 

"คำถามที่สองเกี่ยวข้องกับวิธีการหลีกเลี่ยงการใช้ยาเหล่านี้และรักษาผมที่ปลูกให้คงอยู่ได้ในระยะยาวอย่างไร?"

 
       "จากประสบการณ์ของหมอ นี่คือปัญหาหลักที่คนไข้ชายที่มารักษาผมร่วงกับหมอมีความกังวล ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่นำไปสู่ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" คนไข้ที่เคยทำการปลูกผมด้วยวิธี FUE และ FUT ส่วนใหญ่จะได้รับการแนะนำให้ใช้ยาทางปากเพื่อลดผลกระทบจากฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม ยาเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้จริง แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาทางเพศ ซึ่งเป็นความกังวลสำคัญสำหรับคนไข้ชายส่วนใหญ่ของหมอ

      ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงเหล่านี้โดยสมบูรณ์ หมอจึงได้พัฒนาเทคนิคการปลูกผมใหม่ที่ไม่ต้องใช้ยาทางปาก แต่ยังสามารถป้องกันฮอร์โมนเพศชายที่เป็นสาเหตุของการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคนี้เรียกว่า UR Cell Hair MicroTransplant+ ซึ่งหมอได้ผสานวิทยาศาสตร์จากเทคนิคการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมจากยุโรปและเทคนิคการเพิ่มความหนาของเส้นผมจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจาก ศ.ดร. ฟูคุโอะกะ ฮิโรตาโร่ (Prof. Dr. Fukuoka Hirotaro) ศาสตราจารย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในหมู่ศัลยแพทย์พลาสติกชาวญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งการปลูกผมด้วยเซลล์ในญี่ปุ่น

      เทคนิคนี้เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด และใช้เทคโนโลยีเซลล์ต้นกำเนิดในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมอย่างธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ฟินาสเทอไรด์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและดีกว่าเดิม ทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียงทางเพศ เทคนิคนี้ยังไม่ทำให้เกิดความไม่สบายตัวหรือแผลเป็น โดยสามารถรักษาคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วงจากสาเหตุทางพันธุกรรมหรือฮอร์โมนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนไข้หลายคนที่ Nida Esth’ พบว่า การทำการปลูกผมแบบไม่ผ่าตัดนี้ช่วยให้พวกเขากลับมามีลักษณะที่ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้ความมั่นใจและความเป็นอยู่โดยรวมของพวกเขาดีขึ้น

 
 
การสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาทางปากหรือการผ่าตัด ได้ดึงดูดความสนใจจากคนไข้จำนวนมากทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากจนได้รับการยอมรับและการันตีด้วยรางวัลระดับภูมิภาค the most Innovative Non-Surgical Hair Transplant Clinic of Asia Pacific by Global Health Aesthetic in 2023 และ The Medical Centre Trusted for Cosmetic Surgery Results from Global Patients  และยังได้รับรางวัล the World Leader in Aesthetic Laser Technology" by Hello Magazine’s editors of Thailand in 2022.

UR Cell Hair Micro Transplant+ คืออะไร?

 
    UR Cell Hair Micro Transplant+ คือโปรแกรมการรักษาที่ใช้ "เซลล์ต้นกำเนิดจากรากผม" ซึ่งได้จากบริเวณที่มีสุขภาพดีของผู้ป่วย เพื่อนำเซลล์ที่มีชีวิตมา "ไมโครปลูก" ในบริเวณที่มีปัญหา เซลล์ต้นกำเนิดเหล่านี้มีบทบาทในการต้านฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในบริเวณที่มีปัญหา โดยทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งฮอร์โมนท้องถิ่นและเป็นฟินาสเทอไรด์ธรรมชาติ ดังนั้นโปรแกรมการรักษานี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดๆ เลย นอกจากนี้ยังมีการใช้ Low-Level Laser Therapy ร่วมในโปรแกรมการรักษานี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูรากผมที่ฝ่อให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาต่างกัน โปรแกรมการรักษาจะได้รับการออกแบบและปรับแต่งเฉพาะตามปัญหาของแต่ละบุคคลเพื่อให้สามารถตอบโจทย์และความกังวลของคนไข้ได้ดีที่สุด

“นี่คือบทใหม่ในวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงจากภาวะศีรษะล้านแบบแอนโดรเจเนติก (AGA) หรือจากฮอร์โมนและพันธุกรรม เป็นการปลูกผมแบบไม่ผ่าตัดที่ช่วยให้เส้นผมหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ยา ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางเพศได้ ที่ประเทศไทยวิธีนี้ถือเป็นเทคนิคล้ำสมัยที่ผสมผสานวิทยาศาสตร์จากยุโรปในการเพิ่มจำนวนเส้นผมกับเทคนิคเฉพาะของญี่ปุ่นในการเพิ่มความหนาของเส้นผม ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Hair Regeneration Treatment ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มคนที่สนใจการปลูกผม” หมอปิยะกล่าว

 

 

UR Cell Hair MicroTransplant+ ทำงานอย่างไร?

 

“ขั้นแรก เราจะทำการ 'เก็บ' รากผมที่แข็งแรงที่สุดจากบริเวณที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนและพันธุกรรม โดยการเก็บประมาณ 4-5 รากผม ด้วยเครื่องมือพิเศษขนาดเพียง 2 มม. จากนั้น UR Cell Hair MicroTransplant+ จะใช้เทคนิคในการ 'สกัด' 'เซลล์รากผม' ของคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วงจากบริเวณที่ยังมีเส้นผมสุขภาพดี เพื่อให้ได้เซลล์ผมที่มีชีวิตและมีสุขภาพดี พร้อมที่จะถูกนำไปทำการ 'ฝัง' ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงด้วยกระบวนการที่เรียกว่า 'Auto Transplant'

“รากผมที่สกัดออกมานั้นทำหน้าที่เป็น 'ปัจจัยชีวภาพ' เพื่อปกป้องรากผมจากผลกระทบของฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งสามารถทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผม กระบวนการ 'Hair Micro Transplant' คือการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่ถูกทำลายจากผลของภาวะศีรษะล้านแบบแอนโดรเจเนติก (AGA) ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นโดยการปลูกเซลล์รากผมที่มีสุขภาพดี มันยังช่วยปรับวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ผิดปกติให้กลับมาปกติอีกด้วย ผลลัพธ์คือเส้นผมใหม่ที่เติบโตตามวงจรชีวิตที่ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการแบ่งเซลล์รากผมและให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของเซลล์รากผม” หมอปิยะอธิบาย

 
 

UR Cell Hair Micro Transplant เหมาะสำหรับใคร?  


- ผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งพาการรักษาด้วยการผ่าตัด  
- ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา  
- ผู้ที่ไม่ต้องการโกนผมก่อนการรักษา  
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจากภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลและพันธุกรรม ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึงระดับรุนแรง
 

เทคโนโลยีที่รับประกันผลลัพธ์ที่วัดผลด้วย Nano Score Robotic System

การรักษาปัญหาผมร่วงและผมบางเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นหมอปิยะจึงได้ลงทุนในการนำเข้าเทคโนโลยีที่เรียกว่า Nano Score Robotic System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสแกนรากผมระดับเซลล์ที่ล้ำสมัยจากประเทศเยอรมนี เทคโนโลยีนี้โดยปกติจะไม่พบในคลินิกหรือสถาบันทั่วไป แต่จะพบเฉพาะในศูนย์วิจัยทางการแพทย์ระดับชาติ อย่างไรก็ตามหมอปิยะยินดีลงทุนในเทคโนโลยีนี้เพื่อการ "วิเคราะห์การรักษาผมร่วงและผมบาง" ที่แม่นยำ

ด้วยการใช้ Nano Score Robotic System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการวัดเส้นผมระดับเซลล์จากเยอรมนีที่สามารถตรวจสอบเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างละเอียดในระดับเซลล์ Nida Esth' Medical Centre จึงสามารถรับประกันความสำเร็จของการปลูกผมได้ เนื่องจากสามารถนับจำนวนเส้นผม ความหนาแน่นโดยรวมของเส้นผม สัดส่วนของเส้นผมที่มีสุขภาพดี จำนวนรากผม และจำนวนเส้นผมที่อยู่ในรากผมแต่ละเส้นได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์คือ สามารถเปรียบเทียบผลการรักษาก่อนและหลังได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

 
………………………………………………………………………………..
 
Reference
1. Mysore, Venkataram. “Finasteride and sexual side effects.” Indian dermatology online journal vol. 3,1 (2012): 62-5. doi:10.4103/2229-5178.93496
 
………………………………………………………………………………..



Affiliated Hospitals    Hospitals1  Hospitals2  Hospitals3​​​​​​​