iClear

รักษาสิว iClear รักษาสิว iClear

iClear™ คืออะไร?

   iClear™ เป็นนวัตกรรมที่ใช้แสงสีน้ำเงิน ( Intense Pure Blue Light ) ซึ่งผลิตมาเพื่อช่วยในการรักษาสิวอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย P.acnes iClear™ เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความจำเพาะ ที่ใช้ลำแสงความยาวคลื่น 405-420 nm (Blue Light) ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย P.acne ที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด
   iClear™ มีการทำงานที่รวดเร็ว สะดวก มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสำหรับการรักษาสิวไม่มีผลข้างเคียงหรือผลกระทบต่อเซลล์ผิวในส่วนอื่น ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USA FDA) ว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยในการใช้รักษาสิว

รักษาสิว iClear

iClear™ มีประสิทธิภาพอย่างไร?

         แสงสีน้ำเงิน (Blue Light) จาก iClear™ จะทำลายเชื้อแบคทีเรีย P.acnes มีการทดลองจากแพทย์ผิวหนังหลายสถาบันได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แสงสีน้ำเงิน (Blue Light) ลดการอักเสบของสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าการรักษาด้วยวิธีเดิม

รักษาสิว iClear

การรักษาสิวด้วยแสง (Acne Phototherapy)

      แสงมีอิทธิพลในการทำลายเชื้อ P.acnes ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดสิวอักเสบ เนื่องจากเชื้อ P.acnes สามารถสร้างPorphyrins ชนิด Copro-prophyrins III ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติสามารถดูดซับแสงที่คลื่นแสง 415 nm (Blue Light) เมื่อ Prophyrins ดูดซับแสงแล้วจะมีคุณสมบัติซึ่งสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้

 

ความปลอดภัยในการใช้ iClear™? ผลข้างเคียง?

   iClear™ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เลือกเพียงแสงสีน้ำเงิน(Blue Light)ที่มีประสิทธิภาพ ในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่ทำให้เกิดสิวประเภทต่าง ๆ เท่านั้น ปราศจากแสงอัลตร้าไวโอเลต (UV Free) ที่ทำร้ายผิว และไม่ก่อให้ผลข้างเคียงใดๆ

รักษาสิว iClear

iClear™ เหมาะกับใคร ?


  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิว ประเภท สิวผด สิวอุดตัน สิวอักเสบ
  • ต้องการรักษาสิวและฟื้นฟูผิวหน้า
  • ต้องการรักษาสิวโดยไม่ใช้วิธีฉีด
  • ต้องการรักษาสิวโดยไม่รับประทานยาปฏิชีวนะต่าง ๆ

 

ขั้นตอนการรักษาด้วย iClear™


  1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อนเริ่มการรักษาด้วยเครื่อง iClear™
  2. การรักษาที่เหมาะสม 8-10 ครั้ง, 2 ครั้ง /สัปดาห์
  3. เวลาในการรักษาเฉลี่ย 30-40 นาที /ครั้ง
  4. ในระหว่างการรักษา หากคนไข้มีสิวอุดตัน (Comedone) ร่วมด้วย การใช้ยาทาเช่น Retinoic Acid จะช่วยลดการอุดตันได้
  5. ในระหว่างการรักษาคนไข้สามารถใช้ยาทา เช่น Benzoyl Peroxide เพื่อช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันการกลับมาของสิว

 

ประโยชน์ของ iClear™

  • ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะเวลา 1 เดือน
  • มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย
  • ไม่มีผลข้างเคียง และไม่เจ็บ
  • ไม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • หลังการรักษามาสารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย เช่น หน้า,หลัง และอก เป็นต้น

 

สิวเกิดจาก ?

สิวเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจาก ความผิดปกติของต่อมขน Sebaceous Follicle ซึ่งมีมากบริเวณใบหน้า หน้าอกและหลังท่อนบน มีการสืบทอดทางพันธุกรรม ปกติต่อมไขมันทุกต่อมจะมีท่อเปิดนำไขมันที่สร้าง ออกไปที่รูขุมขนแต่ละเส้น จุดเริ่มแรกของการเกิดสิวเกิดจากปากรูขุมขนอุดตัน ทำให้ไขมันที่สร้างออกมาไม่ได้ ทำให้ไขมันคั่งอยู่ในรูขุมขนนั้นจนกลายเป็นก้อนนูนขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า “สิวอุดตัน” (Comedo)

 

สาเหตุของการอุดตันประกอบด้วย 2 ปัจจัย

  1. ปัจจัยภายใน คือ เกิดขึ้นเองเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล กรรมพันธุ์มีส่วนสำคัญทำให้เกิดการอุดตันที่ขุมขน เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันจะมี่ขนาดโตขึ้น และผลิตไขมันมากขึ้น เมื่อไขมันระบายไม่ทันก็กลายเป็นสิว

  2. ปัจจัยภายนอก ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว เช่นเกิดการอุดตันจากการใช้เครื่องสำอาง การใช้ยาสเตียรอยด์ วิตามินบางชนิด หรือฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงภาวะความเครียด เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามากขึ้นจนกลายเป็นสิวประเภทต่าง ๆ เช่น สิวผด สิวอุดตัน สิวอักเสบ

สิวอุดตัน (Comedone) มี 2 ประเภท

  1. สิวอุดตันแบบหัวเปิด (Open Comedo or Blackhead) สิวอุดตันชนิดนี้ จะเห็นเป็นเม็ดหัวสีดำโผล่ออกมา

  2. สิวอุดตันแบบหัวปิด (Closed Comedo or Whitehead) สิวแบบนี้จะเป็นเม็ดเล็กแข็งๆ ซึ่งหากทิ้งไว้ไม่รักษา ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ เนื่องจากสิวอุดตันแบบหัวปิด ไม่มีทางระบายออกสู่ภายนอก ซึ่งจะเป็นแหล่งอาหารที่ดีของแบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium acne (P.acnes) ทำให้แบคทีเรียแพร่พันธุ์ในสิวอุดตัน เพราะว่าแบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยสลายไขมันให้กลายเป็นกรดไขมัน (Fatty acid) ซึ่งกรดจะมีฤทธิ์ที่เรียกเม็ดเลือดขาวให้ไปออกันตรงที่มีแบคทีเรียอยู่ เมื่อเม็ดเลือดขาวไปอยู่ตามต่อมไขมันต่างๆ จากสิวอุดตัน ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ มีอาการบวม แดง เจ็บ และมีหนองตามมา

       เพราะกลไกธรรมชาติของเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กำจัดศัตรูที่มารุกรานในที่นี้ก็คือ แบคทีเรีย โดยเม็ดเลือดขาวจะมีน้ำย่อย (enzymes) ซึ่งปล่อยออกมาเพื่อย่อยเชื้อแบคทีเรีย แต่ในบางครั้งหากน้ำย่อย (enzymes) ที่ปล่อยออกมามีปริมาณมากขึ้นไม่ได้ทำลายเฉพาะแบคทีเรีย หากทำลายไปถูกชั้นหนังกำพร้า ก็จะเกิดรอยดำที่บนใบหน้าทิ้งไว้ให้ต้องรักษากันต่อ แต่หากน้ำย่อย (enzymes) ไปถูกส่วนคอลลาเจน (Collagen) ที่อยู่ในชั้นหนังแท้ หน้าก็จะกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ กลายเป็นปัญหาใหม่บนใบหน้า

Affiliated Hospitals    Hospitals1  Hospitals2  Hospitals3​​​​​​​